ลดสิว,ผิวสวย,หน้าใสไร้ฝ้า-กระ
ว่ากันด้วยเรื่องของ สิว ฝ้ากะบนใบหน้า ถือเป็นปัญหาใหญ่ของสาวๆเลยก็ว่าได้ เรามาดูกันสิว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เกิด สิว ฝ้า กระ คืออะไร และต้องทำอย่างไรหากอยากมีใบหน้า ผิวพรรณที่เนียนใส
สิวเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่มักจะพบบ่อยในวัยรุ่น อาจจะเป็นสิวที่เกิดจากฮอร์โมน ซึ่งสิวเกิดจากต่อมไขมันผลิตไขมันมาก ทำให้มีการอุดกั้นทางเดินของไขมัน ทำให้ผิวหนังมีการอุดตันอยู่ใต้รูขุมขน ทำให้เกิดเป็นสิว สิวเสี้ยน อาจจะเป็นสิวหัวขาว หรือหัวดำก็ได้ หากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือฝุ่นละออง จะทำให้เกิดการอักเสบของสิว เป็นสิวหัวช้าง เป็นหนอง ปวดเจ็บ โดยส่วนใหญ่แล้วสิวจะขึ้นตามหน้า, หลัง หรือ หน้าอก
สาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดสิว
• การที่ร่างกายสร้างฮอร์โมน Androgen โดยฮอร์โมนชนิดนี้จะเริ่มสร้างเมื่ออายุ 11 -14 ปี มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนนอน และ หลังมีประจำเดือนซึ่งจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวขยายใหญ่ขึ้น ทำให้มีการผลิตไขมันมากขึ้นออกมาผสมกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและ เชื้อแบททีเรียและฝุ่นละอองที่ล่องลอยในอากาศ จึงทำให้เกิดการอุดตันก่อให้เกิดสิวขึ้น
• การรักษาความสะอาดไม่เพียงพอ หรือมีการจับ รบกวนใบหน้ามากเกินไป ทำให้ระคายผิว
• การรับประทานอาหารที่มัน หรือหวานมาก ก็เป็นสาเหตุของการเกิดสิว
• อารมณ์ คนที่มีอารมณ์ดี แจ่มใสจะเกิดสิวได้น้อยกว่า
• การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอาง สบู่ล้างหน้า ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิว คนที่มีผิวมันก็ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันน้อย
• แบคทีเรียตัวฉกาจ ( Propionibacterium acne) ที่ก่อให้เกิดสิวอักเสบ หัวใหญ่ เจ็บปวด
• กรรมพันธ์ พ่อ แม่ หรือญาติพี่น้อง อาจจะเป็นสิวมาอยู่แล้วจึงถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม
• อากาศ ขึ้นกับแต่ละคนบางคนเป็นมากในฤดูหนาว บางคนฤดูร้อน
• การใช้เครื่องสำอางค์แต่งหน้า หากทำความสะอาดผิวไม่เพียงพอ ไม่สะอาดหมดจด ทิ้งเครื่องสำอางตกค้างบนใบหน้า สะสมกันทุกวันก็ก่อให้เกิดสิวได้
• ยาบางชนิดก็ทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
กระและฝ้า เกิดจากการที่มีเม็ดสีเมลานิน (melanin pigment) สะสมในผิวหนังมากผิดปกติ ทำให้เกิดผื่นสีน้ำตาลเป็นรอยคล้ำ ลักษณะของกระและฝ้าจะแตกต่างกัน กระมีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลขนาดมักเล็ก กว่า 0.5 ซม. ซึ่งจะกระจายอยู่บริเวณใบหน้าและผิวหนังที่ถูกแสงแดดบ่อยๆ บริเวณแก้ม จมูก หน้าผาก เหนือริมฝีปากด้านบนและ หรืออาจจะมาจากพันธุกรรมร่วมด้วย หากไม่รีบรักษาก็จะมีสีเข้มและขยายเป็นวงกว้างมากขึ้น ฝ้าแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1. ฝ้าที่เกิดในบริเวณหนังกำพร้า มีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาลเข้ม เป็นขอเขตเห็นได้ชัด ซึ่งอยู่ไม่ลึกลงไปในผิวหนังจึงสามารถจัดการออกได้ง่าย
2. ฝ้าที่อยู่ในชั้นหนังแท้ ผื่นฝ้าจะเป็นสีน้ำตาลผสมสีเทาเข้ม ขอบเขตจะเห็นไม่ชัดเจนเนื่องจากเม็ดสีเมลานินอยู่ในชั้นผิวหนังที่ลึกมาก มีผลทำให้รักษาค่อนข้างยาก ตอบสนองไม่ดีต่อการรักษา
3. ชนิดสุดท้ายเป็นชนิดผสมมีเม็ดสีเมลานินสะสมมากผิดปกติทั้งในชั้นหนังแท้และหนังกำพร้า
สาเหตุของการเกิดฝ้า กระ
• การเกิดฝ้ามีปัจจัยหลายอย่างร่วมกันได้แก่ แสงแดด ฮอร์โมน ยา การแพ้เครื่องสำอาง ตลอดจนพันธุกรรม ซึ่แสงแดดจะมีงรังสีอัลตราไวโอเลตชนิด A (UVA) และชนิด B (UVB) รังสีทั้งสองชนิดสิ่งที่ทำให้เกิดฝ้าเพิ่มมากขึ้น
• ฮอร์โมนเพศชนิดเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ก็ส่งผลทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน โดยฝ้าจะเป็นมากในสตรีที่ทานยาคุมกำเนิด
• การแพ้เครื่องสำอาง หรือใช้เครื่องสำอางที่มีสเตียรอยด์ สารปรอท ก็ก่อให้เกิดฝ้าได้ โดยจะเป็นการแพ้น้ำหอมหรือสีที่ผสมอยู่ในเครื่องสำอางนั้นๆก็ได้
เคล็ดลับและวิธีรักษาสิว ฝ้า กระ
เมื่อเรารู้สาเหตุของตัวการที่ก่อให้เกิด สิว ฝ้าและ กระแล้ว ดังนั้นการปฏิบัติตัวและหลีกเหลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิด สิว ฝ้า และกระได้ การพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนดึก รับประทานอาหารพวกผักผลไม้ เยอะๆ งดทานอาหารที่มีไขมันสูง หวานจัดและเค็มจัด เมื่อเป็นสิว ก็ควรจะหลีกเหลี่ยง การบีบจับหัวสิว การทำความสะอาดที่ถูกวิธีก็ช่วยลดการเกิดสิวได้เช่นกัน ควรล้างหน้าทุกครั้งหลังจากเสร็จกิจกรรมการออกกำลังกายที่มีเหงื่อออกมาก และก่อนนอน งดใช้ผลิตภัณฑ์ขัดถูหน้า รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างแรง เพราะนอกจากจะทำให้ไม่หายสิวแล้ว ยังจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้าและทำให้ติดเชื้ออีกด้วย
หากไม่อยากให้เกิดฝ้า กระ ก็ควรปกป้องผิวจากแสงแดดที่เป็นตัวการทำให้เกิดฝ้า อย่างการทาครีมกันแดดที่มีสารปกป้อง UVA UVB ร่วมกับค่า SPF PA++ ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน กางร่มหรือใส่หมวกเมื่อต้องเดินในกลางแจ้งแดดจัดๆ การรับประทานวิตามินพวก วิตามิน C , วิตามิน E, Zinc ที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ การทานวิตามินหรืออาหารเสริมก็มีส่วนช่วยให้สิว ฝ้าและ กระลดลงได้